เนื้อเยื่อสายสะดือ
คุณอาจทราบแล้วว่า การเก็บและฝากเลือดสายสะดือของทารกแรกคลอดประกอบด้วยกระบวนการ 2 ชนิด ชนิดแรกที่สำคัญที่สุด คือการเก็บเลือดที่ค้างอยู่ในรกและสายสะดือหลังทารกคลอด กระบวนการนี้เรียกว่า การเก็บเลือดสายสะดือ ซึ่งสูติแพทย์ที่ทำคลอดจะเป็นผู้เก็บเลือดหลังทำคลอดทารก หลังจากนั้น ถุงที่บรรจุเลือดสายสะดือจะถูกส่งมาถึงเราทันทีโดยการดูแลของพยาบาลของเราที่อยู่ในห้องคลอด เราจะทำการคัดแยกสเต็มเซลล์จากเลือดสายสะดือในห้องปฏิบัติการของเราและเก็บรักษาในไนโตรเจนเหลวอุณหภูมิ -196 องศาเซลเซียส สเต็มเซลล์นี้เรียกอีกชื่อว่า สเต็มเซลล์เม็ดเลือด ทำหน้าที่สร้างเม็ดเลือดใหม่ตลอดชีวิตของเรา (เม็ดเลือดแดงของเราจะมีการสร้างทดแทนทุก 120 วัน และเม็ดเลือดขาวทุกครั้งที่มีการติดเชื้อ) และในวัยผู้ใหญ่เราจะพบสเต็มเซลล์นี้ในไขกระดูกของเรา
ถ้าเกิดมีการป่วยเป็นโรคเลือด เช่น ซีดจากสาเหตุต่างๆ หรือมะเร็งระบบเลือด เช่น มะเร็งต่อมน้ำเหลือง มะเร็งเม็ดเลือดขาว หรือโรคมะเร็งในเด็ก สเต็มเซลล์จากเลือดสายสะดือนี้จะทำหน้าที่ช่วยชีวิตด้วยการสร้างไขกระดูกใหม่ขึ้นทดแทนไขกระดูกเดิมด้วยวิธีที่เรียกว่า การปลูกถ่ายไขกระดูก เลือดจากสายสะดือเป็นสิ่งที่จำเป็นในการปลูกถ่ายไขกระดูกมีเพียงสเต็มเซลล์จากไขกระดูกและสเต็มเซลล์จากกระแสโลหิตเท่านั้นที่สามารถใช้ทดแทนกันได้ (Click).
เซลล์ชนิดอื่นๆไม่สามารถใช้ปลูกถ่ายไขกระดูก สเต็มเซลล์จากไขกระดูกและกระแสโลหิตในผู้ใหญ่ถูกใช้ปลูกถ่ายไขกระดูกตั้งแต่ปี พ.ศ. 2499 และพศ. 2523 ตามลำดับ ในขณะที่เลือดสายสะดือถูกใช้ปลูกถ่ายไขกระดูกครั้งแรกปี พ.ศ. 2531 ข้อบ่งชี้ในการปลูกถ่ายไขกระดูกรักษาโรคในปัจจุบันทั้งในยุโรปและซีกโลกตะวันตกสามารถดูได้จากเอกสารอ้างอิง (1)
ยิ่งไปกว่านั้น ในช่วง 15 ปีหลัง
เราได้เรียนรู้ว่า
เลือดสายสะดือสามารถช่วยชีวิต
จากภาวะอุบัติเหตุทางสมอง
(อุบัติเหตุทางรถยนต์ ตกจากที่สูง จมน้ำ ฯลฯ)
ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของการเสียชีวิต
และทุพลภาพในทารก เด็กวัยเตาะแตะ วัยรุ่นระหว่าง 0-15 ปี ซึ่งยังไม่มีวิธีรักษาวิธีอื่น
นอกจากนั้น ภายหลังการเก็บเลือดสายสะดือ คุณสามารถขอให้แพทย์เก็บชิ้นเนื้อสายสะดือลูกคุณ นี่เป็นเรื่องที่สำคัญเพราะเนื้อเยื่อสายสะดือมีเซลล์ที่ชื่อมีเซนไคมอลสโตรมอล(เอ็มเอสซี) เซลล์เอ็มเอสซีไม่สามารถใช้แทนเลือดสายสะดือในการปลูกถ่ายไขกระดูกแต่สามารถใช้กับเวชศาสตร์ฟื้นสภาพ เสริมความงาม ชะลอวัย ภาวะเสื่อมของข้อต่อ เช่น ข้อเข่าเสื่อม เอ็นบาดเจ็บ มีการศึกษามากมายด้านภูมิแพ้ผิวหนัง โรคแพ้ภูมิตัวเอง เบาหวาน โรคพาร์กินสันและอัลไซเมอร์ ผิวหนังไหม้ และ แผลเป็น ฯลฯ สามารถดูข้อมูลล่าสุดของเซลล์เอ็มเอสซีได้จากเอกสารอ้างอิง(2) ศักยภาพของเซลล์เอ็มเอสซีมีความกว้างไกลเนื่องจากเซลล์มีความยืดหยุ่นสูงและต้องการการค้นคว้าเพิ่ม แต่ถ้าคุณอาจใช้เซลล์นี้ในอนาคต คุณต้องฝากเก็บก่อน อย่าปล่อยให้โอกาสนี้หลุดลอยไป
ข้อได้เปรียบอีกอย่างที่สำคัญของเซลล์เอ็มเอสซี คือ ตำแหน่งที่ถูกตรวจจับโดยระบบภูมิคุ้มกันยังไม่พัฒนา ทำให้การใช้เซลล์เอ็มเอสซีไม่ถูกจำกัดเฉพาะเจ้าของ แต่สมาชิกอื่นที่ใกล้ชิดในครอบครัวก็สามารถใช้ประโยชน์ได้ จากข้อมูลในหลายการศึกษาเร็วๆนี้ (2).
เซลล์เอ็มเอสซีสามารถเพาะได้ทันทีหลังคลอดในห้องปฏิบัติการของเรา(สำหรับการใช้ทันทีและทำให้เพาะได้เร็วขึ้น) หรือเพาะภายหลังเมื่อมีความจำเป็นที่จะใช้จากสายสะดือที่ฝากแช่เยือกแข็ง
ดังนั้น ขึ้นกับความจำเป็นของแต่ละครอบครัว การเก็บและฝากทั้งเลือดสายสะดือและส่วนหนึ่งของเนื้อเยื่อสายสะดือเป็นเวลา 20 ปีเป็นข้อเสนอพื้นฐานเบื้องต้น คุณมีความจำเป็นที่จะเก็บเนื้อรกและเยื่อหุ้มรกหรือไม่
อย่าให้โอกาสนี้ผ่านไป ไม่มีช่วงเวลาไหนในชีวิตที่น่าเสียใจยิ่งกว่า การรู้ว่าโรคที่อันตรายต่อชีวิตคุณสามารถรักษาได้แต่คุณไม่มีโอกาสรักษา
เอกสารอ้างอิง:
-
Duarte RF, Labopin M, Bader P, et al. Indications for haematopoietic stem cell transplantation for haematological diseases, solid tumours and immune disorders: current practice in Europe, 2019. Bone Marrow Transplant. 2019;54(10):1525-1552. doi:10.1038/s41409-019-0516-2
-
Garzon I, Chato-Astrain J, Campos F, et al. Expanded Differentiation Capability of Human Wharton's Jelly Stem Cells Toward Pluripotency: A Systematic Review. Tissue Eng Part B Rev. 2020;26(4):301-312. doi:10.1089/ten.TEB.2019.0257