หนังสือแจ้งการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
บริษัทไทย สเตมไลฟ์ จำกัด ซึ่งต่อไปนี้จะเรียกว่า “บริษัทฯ” มีความมุ่งมั่นและให้ความสำคัญกับการปกป้องข้อมูลส่วนบุคคล เพื่อเป็นการรักษามาตรฐานความรับผิดชอบที่บริษัทฯ มีต่อลูกค้า คู่ค้า ผู้มาติดต่อ พนักงาน และผู้มีส่วนเกี่ยวข้องรวมถึงผู้เยาว์ คนไร้ความสามารถและคนเสมือนไร้ความสามารถ ที่ได้รับความยินยอมจากผู้ใช้อำนาจปกครองที่มีอำนาจกระทำการแทนผู้เยาว์ หรือผู้อนุบาล หรือผู้พิทักษ์ตามแต่กรณี (เรียกรวมกันว่า “ท่าน” หรือ “เจ้าของข้อมูล”) ซึ่งไม่ว่าจะเป็นการเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือเปิดเผย (เรียกรวมกันว่า “การประมวลผลข้อมูล”) รวมถึงการปกป้องข้อมูลส่วนบุคคลที่ท่านให้กับบริษัทฯ และ/หรือระหว่างเยี่ยมชม เว็บไซด์ www.thaistemlife.com, www.thaistemlife.co.th และ/หรือ ใช้แอพพลิเคชั่นบนมือถือ
บริษัทฯ จึงกำหนด “นโยบายความเป็นส่วนตัว” เพื่อแจ้งท่านเจ้าของข้อมูล ตั้งแต่การเก็บรวบรวม การนำข้อมูลเพื่อประมวลผล การเปิดเผย การจัดการข้อมูล และการนำข้อมูลไปใช้เพื่อธุรกิจของบริษัทฯ ให้สอดคล้องกับกฎหมายและใช้งานเท่าที่ท่านยินยอม และให้ท่านได้รับบริการอย่างถูกต้อง ปลอดภัย รวมถึงการใช้ข้อมูลของท่านโดยสุจริต เพื่อให้สอดคล้องกับพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ.2562
ข้อมูลส่วนบุคคล
-
ข้อมูลส่วนบุคคล หมายถึง ข้อมูลเกี่ยวกับบุคคลธรรมดา ซึ่งทำให้สามารถระบุตัวบุคคลนั้นได้ไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม
แต่ไม่รวมถึงข้อมูลของผู้ถึงแก่กรรมโดยเฉพาะ
-
ข้อมูลส่วนบุคคลอ่อนไหว หมายถึง ข้อมูลส่วนบุคคลตามที่ถูกบัญญัติไว้ในมาตรา 26 แห่งพระราชบัญญัติคุ้มครอง
ข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 ซึ่งได้แก่ ข้อมูลเชื้อชาติ เผ่าพันธุ์ ความคิดเห็นทางการเมือง ความเชื่อในลัทธิ ศาสนา หรือปรัชญา พฤติกรรมทางเพศ ประวัติอาชญากรรม ข้อมูลสุขภาพ ความพิการ ข้อมูลสหภาพแรงงาน ข้อมูลพันธุกรรม ข้อมูลชีวภาพ หรือข้อมูลอื่นใดซึ่งกระทบต่อเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลในทำนองเดียวกันตามที่คณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลประกาศกำหนด
ข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทฯ เก็บรวมรวบ
บริษัทฯ จะเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคล ขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์ในการประมวลผลข้อมูล โดยจะเก็บรวบรวมเพียงเท่าที่จำเป็นเท่านั้น
-
ข้อมูลระบุตัวตน เช่น ชื่อ ภาพถ่าย เพศ วันเดือนปีเกิด เลขที่หนังสือเดินทาง เลขที่บัตรประจำตัวประชาชน หรือ หมายเลขที่สามารถระบุตัวตนอื่นๆ เป็นต้น
-
ข้อมูลสำหรับการติดต่อ เช่น ที่อยู่ หมายเลขโทรศัพท์ และอีเมล ไอดีไลน์ WhatsApp
-
ข้อมูลเกี่ยวกับการทำงานและการศึกษา กรณีผู้สมัครงาน
-
ข้อมูลการชำระเงิน เช่น ข้อมูลการเรียกเก็บเงิน ข้อมูลบัตรเครดิตหรือเดบิต และรายละเอียดบัญชีธนาคาร
-
ข้อมูลการเข้ารับบริการ เช่น ข้อมูลการนัดหมายแพทย์ กำหนดการคลอด ข้อมูลส่วนบุคคลของญาติ
-
ข้อมูลการสมัครรับข่าวสารและเข้าร่วมกิจกรรมทางการตลาด เช่น ลงทะเบียนเพื่อเข้าร่วมกิจกรรมทางการตลาด
-
ข้อมูลสถิติ เช่น จำนวนผู้ป่วย และการเข้าชมเว็บไซต์
-
ข้อมูลจากการเข้าใช้เว็บไซต์ของเรา เช่น IP Address, Cookie, Online Appointment System
-
ข้อมูลด้านสุขภาพ รายงานที่เกี่ยวกับสุขภาพกาย การดูแลสุขภาพของท่าน ผลการทดสอบจากห้องปฏิบัติการ
-
ข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับการใช้ยาและการแพ้ยาของท่าน
-
ข้อมูล Feedback และผลการรักษาที่ท่านให้ไว้
-
เราจะไม่เก็บและใช้ข้อมูลที่มีความละเอียดอ่อนของท่าน ดังต่อไปนี้ เชื้อชาติ ความเชื่อทางศาสนา ประวัติอาชญากรรม เว้นแต่เป็นไปตามที่ข้อบังคับและกฎหมายกำหนด หรือโดยความยินยอมของท่าน
บริษัทฯ พิจารณากำหนดฐานกฎหมายในการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของท่านตามความเหมาะสมและตามบริบทของการให้บริการ เมื่อได้รับความยินยอมจากท่านก่อน ยกเว้นในกรณี เช่น
1. เพื่อปฎิบัติตามสัญญา กรณีการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล เพื่อความจำเป็นต่อการให้บริการหรือ
ปฎิบัติตามสัญญาระหว่างท่านและบริษัทฯ
2. เพื่อป้องกันหรือระงับอันตรายต่อชีวิต ร่างกายหรือสุขภาพ
3. เพื่อปฎิบัติตามกฎหมาย
4. เพื่อผลประโยชน์อันชอบโดยกฎหมายของบริษัทฯ กรณีความจำเป็นเพื่อประโยชน์อันชอบธรรมในการดำเนินงานของบริษัทฯ โดยบริษัทฯ จะพิจารณาถึงสิทธิของท่านเป็นสำคัญ เช่น เพื่อป้องกันการฉ้อโกง การรักษาความปลอดภัยในระบบเครือข่าย การปกป้องสิทธิเสรีภาพ และประโยชน์ของท่าน
5. เพื่อการศึกษาวิจัยหรือสถิติ
6. เพื่อปฎิบัติภารกิจของรัฐ กรณีมีความจำเป็นต่อการปฎิบัติตามภารกิจ เพื่อประโยชน์สาธารณะ หรือการปฎิบัติหน้าที่
ตามอำนาจรัฐที่บริษัทฯ ได้รับมอบหมาย
แหล่งที่มาของข้อมูลส่วนบุคคลที่เก็บรวบรวม
บริษัทฯ เก็บข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน เท่าที่จำเป็น ซึ่งสามารถระบุตัวตนได้ทั้งทางตรงและทางอ้อม เพื่อประโยชน์ต่อท่านในระยะเวลาที่เหมาะสมจำเป็นต่อการให้บริการ
กรณีที่ท่านเป็นผู้ยินยอมให้ข้อมูลกับเราโดยตรง ไม่ว่าจะเป็นการให้ข้อมูลเพื่อการขอรับบริการจากเราผ่าน ช่องทางเว็บไซต์ แอพพลิเคชั่นบนมือถือ หรือช่องทางอื่นใด ตัวอย่างเช่น การทำธุรกรรมแบบออนไลน์ การสมัครรับจดหมายข่าว หรือการโต้ตอบทางจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ (E-mail) หรือการให้ข้อมูลประกอบการสมัครงาน รวมไปถึงการทำธุรกรรมแบบออฟไลน์ เช่น การลงทะเบียนที่เคาน์เตอร์ลงทะเบียนของบริษัทฯ หรือลงทะเบียนผ่านพนักงาน ตัวแทนของบริษัทฯ หรือจากความสมัครใจในการทำแบบสอบถาม (Survey) หรือช่องทางการสื่อสารอื่นๆ ระหว่างบริษัทฯ และท่าน
นอกจากนี้ เราอาจได้รับข้อมูลส่วนบุคคลของท่านจากบุคคลที่สาม เช่น บุคคลในครอบครัวหรือบุคคลใกล้ชิดของท่าน ผู้แนะนำ ตัวแทน ที่ท่านให้ความยินยอมไว้ กรณีที่ท่านได้ให้ความยินยอมในการเปิดเผยข้อมูลดังกล่าวไว้ หรือเป็นการเปิดเผยตามที่กฎหมายกำหนด
ทั้งนี้ ในกรณีที่เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลปฏิเสธไม่ให้ข้อมูลที่มีความจำเป็นในการให้บริการ อาจเป็นผลให้บริษัทฯ ไม่สามารถให้บริการนั้นแก่เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวได้ทั้งหมดหรือบางส่วน
วัตถุประสงค์ในการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคล
บริษัทฯ ดำเนินการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเพื่อวัตถุประสงค์หลายประการ ซึ่งขึ้นอยู่กับประเภทของผลิตภัณฑ์หรือบริการหรือกิจกรรมที่ท่านใช้บริการ ตลอดจนลักษณะความสัมพันธ์ของท่านกับบริษัทฯ โดยวัตถุประสงค์ที่ระบุไว้ดังต่อไปนี้เป็นเพียงกรอบการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของบริษัทฯ เป็นการทั่วไป ทั้งนี้ เฉพาะวัตถุประสงค์ที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์หรือบริการที่ท่านใช้งานหรือมีความสัมพันธ์ด้วยเท่านั้นที่จะมีผลบังคับใช้กับข้อมูลของท่าน
1) เพื่อให้บริการและบริหารจัดการบริการของบริษัทฯ ทั้งบริการภายใต้สัญญาที่มีต่อท่าน หรือตามพันธกิจของบริษัทฯ
2) เพื่อควบคุมดูแล ใช้งาน ติดตาม ตรวจสอบและบริหารจัดการบริการเพื่ออำนวยความสะดวกและสอดคล้อง กับความต้องการของท่าน
3) เพื่อตอบคำถามและให้ความช่วยเหลือแก่ท่าน
4) เพื่อพัฒนาและปรับปรุงสินค้า ผลิตภัณฑ์ และบริการของบริษัทฯ ให้ตอบสนองต่อความต้องการของท่านให้มากยิ่งขึ้น
5) เพื่อส่งการแจ้งเตือน การยืนยันการทำคำสั่ง ติดต่อสื่อสารและแจ้งข่าวสาร สิทธิประโยชน์ไปยังท่าน ตามที่ท่านได้ให้ความ
ยินยอมกับทางบริษัทฯ
6) เพื่อสำรวจความคิดเห็น วิเคราะห์ การทำวิจัยและจัดทำข้อมูลทางสถิติ เพื่อใช้ทางการตลาดหรือการพัฒนาและปรับปรุง
การดำเนินกิจการของบริษัทฯ ตามที่ท่านได้ยินยอมกับทางบริษัทฯ
7) เพื่อประโยชน์ในการบริหารจัดการงานหรือดำเนินงานภายในของบริษัทฯ ที่จำเป็นภายใต้ประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย
8) เพื่อตรวจสอบ กำกับดูแล และรักษาความปลอดภัยบริเวณอาคารหรือสถานที่ของบริษัทฯ เช่น การบันทึกภาพผ่านกล้อง CCTV
9) เพื่อป้องกัน ตรวจจับ หลีกเลี่ยง และตรวจสอบการฉ้อโกง การละเมิดความปลอดภัย หรือการกระทำที่ต้องห้าม หรือ
ผิดกฎหมาย และอาจเกิดความเสียหายต่อทั้งบริษัทฯ และเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล
10) เพื่อการยืนยันตัวตน พิสูจน์ตัวตนและตรวจสอบข้อมูลเมื่อท่านสมัครใช้บริการของบริษัทฯ หรือติดต่อใช้บริการ หรือใช้สิทธิ
ตามกฎหมาย
11) เพื่อยืนยันตัวตน ป้องกันการสแปม หรือการกระทำที่ไม่ได้รับอนุญาต หรือผิดกฎหมาย
12) เพื่อดำเนินการตามที่จำเป็นเพื่อปฏิบัติตามหน้าที่ที่บริษัทฯ มีต่อหน่วยงานที่มีอำนาจควบคุม หน่วยงานด้านภาษี
การตรวจสอบบัญชี
13) เพื่อดำเนินการตามที่จำเป็นเพื่อประโยชน์ที่ชอบด้วยกฎหมายของบริษัทฯ หรือของบุคคลอื่น หรือของนิติบุคคลอื่นที่
เกี่ยวข้องกับการให้บริการ
14) เพื่อป้องกัน หรือหยุดยั้งอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย หรือสุขภาพของบุคคล
15) เพื่อการปฏิบัติตามกฎหมาย ประกาศ คำสั่งที่มีผลบังคับใช้ หรือการดำเนินการเกี่ยวกับคดีความการดำเนินการเกี่ยวกับ
ข้อมูลตามหมายศาล รวมถึงการใช้สิทธิเกี่ยวกับข้อมูลของท่าน
16) วัตถุประสงค์อื่นๆ ที่ได้รับคำยินยอมชัดแจ้งจากท่าน
การส่งต่อและเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล
บริษัทฯ อาจเปิดเผยหรือถ่ายโอนข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไปยังบุคคลที่สาม ซึ่งอาจตั้งอยู่ภายในหรือนอกประเทศไทย ซึ่งเป็นประเทศที่มีมาตรฐานการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลอย่างเพียงพอและเป็นไปตามหลักเกณฑ์การให้ความคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่กฎหมายกำหนด และบริษัทฯ จะดำเนินตามมาตรการที่จำเป็นและเหมาะสม หรือเป็นไปตามข้อบังคับและกฎหมาย เพื่อวัตถุประสงค์ที่ตามระบุไว้ข้างต้น ให้แก่บุคคลดังต่อไปนี้
-
บริษัทในเครือข่าย ธุรกิจคู่ค้า และธุรกิจพันธมิตร
-
ตัวแทน ผู้ให้บริการ หรือคู่ค้าที่ให้บริการแก่บริษัทฯ หรือดำเนินการใดๆ ในฐานะตัวแทนของบริษัทฯ เช่น ผู้ให้บริการด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ
-
หุ้นส่วนทางธุรกิจ เช่น โรงแรม บริษัทรถเช่า บริษัทประกัน พันธมิตร และบริษัทอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องในการให้บริการแก่ท่านหรือตอบสนองตามวัตถุประสงค์ข้างต้น
-
ธนาคาร และผู้ให้บริการชำระเงิน เช่น บริษัทบัตรเครดิต หรือเดบิต
-
เจ้าหน้าที่ หรือหน่วยงานรักษาความมั่นคงและความปลอดภัย
-
หน่วยงานตรวจคนเข้าเมือง และหน่วยงานศุลกากร
-
หน่วยงานภาครัฐ หน่วยงานกำกับดูแล และหน่วยงานอื่นๆ ตามที่กฎหมายอนุญาต หรือกำหนดไว้
การถ่ายโอนข้อมูลส่วนบุคคลไปยังต่างประเทศ
บางกรณี บริษัทฯ อาจจำเป็นต้องถ่ายโอนข้อมูลของท่านไปยังต่างประเทศ เพื่อดำเนินการตามวัตถุประสงค์ในการให้บริการแก่ท่าน เช่น เพื่อส่งข้อมูลไปยังระบบคลาวด์ (Cloud) ที่มีแพลตฟอร์มหรือเครื่องแม่ข่าย (Server) อยู่ต่างประเทศ (เช่น ประเทศสิงคโปร์ หรือสหรัฐอเมริกา เป็นต้น) เพื่อสนับสนุนระบบเทคโนโลยีสารสนเทศที่ตั้งอยู่นอกประเทศไทย ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับบริการของบริษัทฯ ที่ท่านใช้งานหรือมีส่วนเกี่ยวข้องเป็นรายกิจกรรม
อย่างไรก็ตาม ในขณะที่จัดทำนโยบายฉบับนี้ คณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ยังมิได้มีประกาศกำหนดรายการประเทศปลายทางที่มีมาตรฐานการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่เพียงพอ ดังนี้ เมื่อบริษัทฯ มีความจำเป็นต้องถ่ายโอนข้อมูลของท่านไปยังประเทศปลายทาง บริษัทฯ จะดำเนินการเพื่อให้ข้อมูลที่ถ่ายโอนไปมีมาตรการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลอย่างเพียงพอตามมาตรฐานสากล หรือดำเนินการตามเงื่อนไข และ/หรือสัญญา เพื่อให้สามารถถ่ายโอนข้อมูลนั้นได้ตามกฎหมาย ได้แก่
1) ได้แจ้งให้ท่านทราบและได้รับความยินยอมจากท่านในกรณีที่ประเทศปลายทางมีมาตรฐานการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่ไม่เพียงพอ ทั้งนี้ตามประกาศรายชื่อประเทศที่คณะกรรมการคุ้มครองส่วนบุคคลประกาศกำหนด
2) เป็นการจำเป็นเพื่อปฏิบัติตามสัญญาที่ท่านเป็นคู่สัญญากับบริษัทฯ หรือเป็นการทำตามคำขอของท่านก่อนการเข้าทำสัญญานั้น
3) เป็นการกระทำตามสัญญาของบริษัทฯ กับบุคคลหรือนิติบุคคลอื่น เพื่อประโยชน์ของท่าน
4) เพื่อป้องกันหรือระงับอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย หรือสุขภาพของท่านหรือของบุคคลอื่น เมื่อท่านไม่สามารถให้ความยินยอมในขณะนั้นได้
ระยะเวลาในการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคล
บริษัทฯ จะเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไว้ในระยะเวลาเท่าที่ข้อมูลนั้นยังมีความจำเป็นตามวัตถุประสงค์ในการเก็บรวบรวมข้อมูลเท่านั้น ซึ่งอาจมีกำหนดประมาณ 1 - 20 ปี หรือเกินกว่านั้น ตามสัญญาบริการ หรือเท่าที่จำเป็น ตามอายุความที่กฎหมายกำหนด ทั้งนี้ เมื่อพ้นระยะเวลาและข้อมูลส่วนบุคคลของท่านสิ้นความจำเป็นตามวัตถุประสงค์ดังกล่าวแล้ว บริษัทฯจะทำการลบ ทำลายข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน หรือทำให้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไม่สามารถระบุตัวตนได้ต่อไป ตามรูปแบบและมาตรฐานการลบทำลายข้อมูลส่วนบุคคลที่คณะกรรมการหรือกฎหมายจะได้ประกาศกำหนดหรือตามมาตรฐานสากล อย่างไรก็ดี ในกรณีที่มีข้อพิพาท การใช้สิทธิหรือคดีความอันเกี่ยวข้องกับข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน บริษัทฯ ขอสงวนสิทธิในการเก็บรักษาข้อมูลนั้นต่อไปจนกว่าข้อพิพาทนั้นจะได้มีคำสั่งหรือคำพิพากษาถึงที่สุด
การปรับปรุงแก้ไขนโยบายความเป็นส่วนตัว
บริษัทฯ อาจพิจารณาปรับปรุง แก้ไขหรือเปลี่ยนแปลงนโยบายฉบับนี้ตามที่เห็นสมควร และจะทำการแจ้งให้ท่านทราบผ่านช่องทางเว็บไซต์ www.thaistemlife.com, www.thaistemlife.co.th โดยมีวันที่มีผลบังคับใช้ของแต่ละฉบับแก้ไขกำกับอยู่ อย่างไรก็ดี บริษัทฯ ขอแนะนำให้ท่านโปรดตรวจสอบ เพื่อรับทราบนโยบายฉบับใหม่อย่างสม่ำเสมอ ผ่านแอปพลิเคชั่น หรือช่องทางเฉพาะกิจกรรมที่บริษัทฯ ดำเนินการ โดยเฉพาะก่อนที่ท่านจะทำการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลแก่ บริษัทฯ การเข้าใช้งานผลิตภัณฑ์หรือบริการของบริษัทฯ ภายหลังการบังคับใช้นโยบายฉบับใหม่ ถือเป็นการรับทราบตามข้อตกลงในนโยบายฉบับใหม่แล้ว ทั้งนี้ โปรดหยุดการเข้าใช้งานหากท่านไม่เห็นด้วยกับรายละเอียดในนโยบายฉบับนี้และโปรดติดต่อมายังบริษัทฯได้ที่อีเมล info@thaistemlife.co.th เพื่อชี้แจงข้อเท็จจริงต่อไป
สิทธิของท่านตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562
พระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 ได้กำหนดสิทธิของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลไว้หลายประการ ทั้งนี้ สิทธิดังกล่าวจะเริ่มมีผลบังคับใช้เมื่อกฎหมายในส่วนของสิทธินี้มีผลใช้บังคับ โดยรายละเอียดของสิทธิต่าง ๆ ประกอบด้วย
สิทธิในการขอรับ (right to be informed) เป็นสิทธิที่เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล ได้รับโดยไม่ต้องมีการร้องขอตามที่ระบุอยู่ในมาตรา 23 ซึ่งตามกฎหมายแล้ว ท่านมีสิทธิในการขอรับข้อมูลส่วนบุคคลของท่านจากบริษัทฯ ในรูปแบบที่สามารถอ่านหรือใช้งาน โดยทั่วไปได้ด้วยเครื่องมือหรืออุปกรณ์ที่ทำงานได้โดยอัตโนมัติและสามารถใช้หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลได้โดยวิธีการอัตโนมัติ
ท่านอาจติดต่อบริษัทฯ/ เจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล เพื่อยื่นคำร้องขอดำเนินการใช้สิทธิของท่านดังต่อไปนี้
1. สิทธิในการเพิกถอนความยินยอม (right to withdraw consent) : ท่านมีสิทธิในการเพิกถอนความยินยอมในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลที่ท่านได้ให้ความยินยอมกับบริษัทฯ ได้ ตลอดระยะเวลาที่ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านอยู่กับบริษัทฯ
2. สิทธิในการเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคล (right of access) : ท่านมีสิทธิในการเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลของท่านและขอให้บริษัทฯ ทำสำเนาข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวให้แก่ท่าน รวมถึงขอให้บริษัทฯ เปิดเผยการได้มาซึ่งข้อมูลส่วนบุคคลที่ท่านไม่ได้ให้ความยินยอมต่อบริษัทฯ ได้
3. สิทธิในการแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลให้ถูกต้อง (right to amendment) : ท่านมีสิทธิในการขอให้บริษัทฯ แก้ไขข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง หรือเพิ่มเติมข้อมูลที่ไม่สมบูรณ์
4. สิทธิในการลบหรือทำลายข้อมูลส่วนบุคคล (right to erasure/deletion) : ท่านมีสิทธิในการขอให้บริษัทฯ ทำการลบข้อมูลของท่านด้วยเหตุบางประการได้
5. สิทธิในการระงับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคล (right to restriction of processing) : ท่านมีสิทธิในการระงับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านด้วยเหตุบางประการได้
6. สิทธิในการให้โอนย้ายข้อมูลส่วนบุคคล (right to data portability) : ท่านมีสิทธิในการโอนย้ายข้อมูลส่วนบุคคลของท่านที่ท่านให้ไว้กับบริษัทฯ ไปยังผู้ควบคุมข้อมูลรายอื่น หรือตัวท่านเองด้วยเหตุบางประการได้
7. สิทธิในการคัดค้านการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล (right to object) : ท่านมีสิทธิในการคัดค้านการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่านด้วยเหตุบางประการได้
8. สิทธิร้องเรียน (right to lodge a complaint) : ท่านมีสิทธิ ร้องเรียนต่อผู้มีอำนาจตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง หากท่านเชื่อว่าการเก็บ รวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน เป็นการกระทำในลักษณะที่ฝ่าฝืน หรือไม่ปฏิบัติตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง
ทั้งนี้ การเพิกถอนความยินยอมของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล จะไม่ส่งผลกระทบต่อการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล ที่เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลได้ให้ความยินยอมไปแล้วก่อนหน้านั้น และการลบข้อมูลอาจทำให้ผู้ใช้บริการไม่สามารถรับบริการจากบริษัทฯ ได้ หรืออาจทำให้การให้บริการไม่มีประสิทธิภาพเท่าที่ควร
ช่องทางการติดต่อ
ท่านสามารถร้องขอการเข้าถึงหรือขอให้อัพเดตและแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน รวมถึงสิทธิอื่นใดข้างต้นหรือสิทธิตามกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่ใช้บังคับ กรุณาดำเนินการเป็นลายลักษณ์อักษร พร้อมแนบสำเนาหลักฐานเพื่อแสดงตัวตน สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน สำเนาหนังสือเดินทาง และข้อมูลการติดต่อกลับ เรื่องที่ต้องการติดต่อสอบถาม รายละเอียดของข้อผิดพลาดที่เกิดขึ้น เบอร์โทร อีเมล และที่อยู่ที่สามารถติดต่อได้ หรือหากท่านมีคำถาม ข้อเสนอแนะ ข้อร้องเรียนเกี่ยวกับนโยบายฉบับนี้
ท่านสามารถดาวน์โหลด “แบบฟอร์มคำร้องขอเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคล” ผ่านทาง www.thaistemlife.com, www.thaistemlife.co.th กรอกคำร้องและส่งอีเมลถึงเจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่อีเมล office@thaistemlife.co.th
หรือท่านสามารถติดต่อเจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลได้ที่ Call Center 081-340-7676 หรือตามที่อยู่นี้ บริษัท ไทย สเตมไลฟ์ จำกัด
เลขที่ 566/3 อาคารไทย สเตมไลฟ์ ซอยรามคำแหง แขวงวังทองหลาง เขตวังทองหลาง กรุงเทพมหานคร 10310
เบอร์โทรศัพท์ 02-022-7000 ต่อ 0
ทั้งนี้ บริษัทฯ จะพิจารณาและแจ้งผลการพิจารณาตามคำร้องของท่านภายใน 30 วันนับแต่วันที่ได้รับคำร้องดังกล่าว
นโยบายความเป็นส่วนตัวมีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 30 เมษายน 2565
ทั้งนี้ให้มีผลตั้งแต่วันที่ 30 พฤษภาคม 2565เป็นต้นไป
ประกาศ ณ วันที่ 17 พฤษภาคม 2565
จึงประกาศมาให้ทราบโดยทั่วกัน
ลิงค์แบบคำร้องขอเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคล : ดาวน์โหลด